Tom yum Mushroom Pizza - พิซซ่าต้มยำเห็ดสูตรแป้งบางกรอบ




พิซซ่าเป็นหนึ่งเมนูที่ผมชื่นชอบมากเวลาไปเห็นร้านอาหารต่างๆ ก็มักจะต้องพลิกไปดูว่ามีพิซซ่าหน้าอะไร แต่แป้งพิซซ่าในหลายๆร้านเป็นแป้งหนานุ่ม ซึ่งผมและคนในครอบครัวผมชอบทานแบบบางกรอบมากกว่า จึงมีเพียงไม่กี่ร้านที่มีแป้งชนิดนี้ ระหว่างที่ผมกำลังเห่อการทำอาหาร ก็เจอพี่ใน facebook post ทำพิซซ่า ผมไม่รอช้าโทรไปขอสูตร พร้อมกับดู youtube ประกอบ และตัดสินใจทำ เพียงแค่ครั้งแรกก็ออกมาดูดี น่าทานกว่าที่คิดมาก โดยใช้อุปกรณ์แบบบ้านๆ คนทั่วไป ไม่ต้องใช้ที่ตีแป้ง เตาอบ เพราะผมใช้เพียงแค่กระทะในการทำเท่านั้น บทความนี้ขอเขียนยาวหน่อย เพื่อนๆจะได้ทำสำเร็จอย่างแน่นอน



พิซซ่าต้มยำเห็ดสูตรแป้งบางกรอบ


ส่วนประกอบ มีสองส่วนคือ 
  • แป้ง 
    • แป้งอเนกประสงค์ (ใช้มีแป้งขนมปังก็ใช้ได้) 200 กรัม
    • เกลือ 1 ช้อนชา
    • น้ำ 
    • น้ำมัน 1/2 ช้อนชา
  • เครื่องทาหน้า
    • ตะใคร่หั่นซอย
    • ข่าหั่นซอย
    • ใบผักชีฝรั่ง
    • กระเทียมสับ 1 กลีบ
    • ใบมะกรูดหั่นซอย
    • เห็ดนางรมหลวง
    • ซอสมะเขือเทศ
    • ต้นหอมซอย
    • พริกชี้ฟ้า 1-2 เม็ด
    • ซอสมะเขือเทศ
    • หอมหัวใหญ่ซอย
    • พริกหยวก  1/2 เม็ด
    • ชีส(ผมใช้ชีสทั่วไป จริงๆแล้วควรใช้มอสซาเรลล่าชีส)
ในส่วนของเครื่องปรุงบางอย่างไม่ได้ระบุไว้ สามารถใส่ได้ตามที่ต้องการ กะตามความชอบ
วิธีการทำ 


  • แป้ง
    1. ร่อนแป้งอเนกประสงค์ พร้อมทั้งใส่เกลือกวนให้เข้ากัน
    2. ค่อยๆเทน้ำแล้วใช้มือนวดไปเรื่อยๆ ที่ให้ค่อยๆใส่น้ำและใช้มือนวดเพื่อให้สัมผัสได้ว่าน้ำนั้นเพียงพอกับแป้งแล้วรึยัง ค่อยๆใส่ๆ นวดไปเรื่อยจนแป้งเริ่มรวมตัวกันแล้วจึงหยุดใส่น้ำ (หากยังแห้งเกินก็เติมน้ำ แต่ถ้าแป้งแฉะเกินก็ให้เติมแป้งเพิ่ม)
    3. นวดแป้งต่อไปเรื่อยๆ จนได้ผิวเนียน ทำการดึงหน้าแป้งให้ตึงและวางในชามนำผ้าขาชุบน้ำมาคุม หรือหากไม่มีผมใช้ชามอีกใบมาปิดเลย ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชม เพื่อให้แป้ง set ตัวเป็นอย่างดี
  • เครื่องทาหน้า
    1. นำหม้อตั้งไฟให้ร้อน ใส่ตะใคร้และข่า กระเทียมสับลงไปผัดจนเริ่มสุก
    2. ใส่เห็ดนางรมหลวง พริกหยวกหั่น ต้นหอมซอย หอมหัวใหญ่ซอย ผักชีฝรั่ง และใบมะกรูดเล็กน้อย ผัดจนหอม
    3. ใส่ซอสมะเขือเทศ และน้ำเปล่าเล็กน้อย เคี่ยวจนสุก และนำขึ้นพัก
เครื่องทาหน้าของเราจะต้องทำให้สุกทุกอย่างเพราะสูตรนี้ใช้กระทะ จึงกลัวว่าหากความร้อนไม่พอเครื่องจะไม่สุก หากใครต้องการใส่กุ้ง หมู ก็อาจจะนึ่งไว้ หรืออยากให้ได้รสชาติต้มยำก็นำใส่หม้อรวมกันได้เลย ไม่มีกฏตายตัวแต่อย่างไร


  • อบพิซซ่า หากใครมีเตาอบก็สามารถใช้ได้ แต่สำหรับการทำครั้งนี้ผมใช้กระทะเทฟรอนเพื่อไม่ให้ติดกระทะ
    1. นำแป้งที่ทิ้งไว้มาใช้งาน ดูความเนียนด้วย หากไม่เนียนนวดต่อไม่อย่างนั้นเนื้อพิซซ๋าจะไม่สวย
    2. ใส่น้ำมันลงไปบนแป้งเล็กน้อยนวดจะลื่นมือ และคลี่เป็นแผ่นวงกลมบางๆในกระทะ (ที่ต้องบางเพื่อจะได้บางกรอบ)
    3. ทาเครื่องที่ทำเรียบร้อยแล้วลงบนแป้ง และใส่ชีสตามความชอบ
    4. เปิดไฟอ่อน และนำผาหม้อมาปิด ใช้เวลาประมาณ 5-7 นาที
    5. พลิกดูด้านล่างเพื่อตรวจสอบว่าแป้งสุก หากสุกและได้สีตามที่ต้องการก็นำออกจากกระทะใช้จาน


           6.โรยใบมะกรูดซอย ตกแต่งให้ดูน่าทานมากยิ่งขึ้น

เสร็จเรียบร้อยแล้วพิซซ่า Homemade ทำเองจากกระทะแสนง่ายเลยใช่ไหมครับ ส่วนหน้าพิซซ่าไว้หากคิดค้น หรือลองทำแล้วหน้าไหนอร่อยจะมาเขียนใน blog นี้อีกนะครับ ลองไปทำดูกันเลย รับรองได้ทั้งความสนุก สะอาด ประหยัดด้วย แถมยังมีความภูมิใจที่เราได้ทำเอง

cooking2cu

Pandan custard - สังขยานมสดใบเตย





หากพุดถึงขนมแล้วผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบทานขนม เมนูสังขยาใบเตยนั้นก็เป็นที่ชื่นชอบมานานมาก เวลาไปทานขนมปังที่ไหนก็มักจะสั่งมาทานเสมอ มีทั้งร้านที่อร่อย ไม่อร่อยปนกันไป ลองไปศึกษาวิธีการจึงได้ลองทำดู ซึ่งต้องบอกว่าการทำนั้นไม่ยากเลย แถมทำแล้วทานทันทีอร่อย ปลอดภัยจากสารกันบูดแน่นอน

ส่วนประกอบ

1. ใบเตย 4 ใบ
2. ไข่ไก่ 1 ฟอง
3. น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ
4. กะทิ 250 ml
5. แป้งข้าวโพด 1.5 ช้อนชา
ุ6. นมสด 100 ml



วิธีการทำ
1. หั่นใบเตยเป็นใบเล็กๆ นำไปปั่นกับน้ำให้ได้สีเขียว จากนั้นกรอกเศษออกเก็บไว้
2. ตอกไข่ลงในชามใบใหญ่ ใส่น้ำตาลและตีให้เนื้อเข้ากัน
3. ใส่แป้งข้าวโพดตีให้เข้ากัน
4. เติมน้ำกะทิ และนมสด 80 ml และคนจนเนื้อเนียนหอม
5. กรอกด้วยตะแกรงเพื่อให้เนื้อเนียน

6. ต้มน้ำให้เดือดและนำชามไปตุ๋นบนหม้อ วิธีการที่สำคัญคือต้องคนไปเรื่อยๆห้ามหยุดจนกระทั่งเนื้อของสังขยาข้นขึ้น (ใช้เวลาประมาณ 6-10 นาที) จากนั้นตักใส่ชาม เติมนมสด พร้อมทานกับขนมปัง

cooking2cu

coconut jelly - วุ้นกะทิแบบง่าย




หลังจากทานข้าวการทานขนมหวานๆ เย็นๆ ซักหนึ่งอย่างจะทำให้มื้อนั้นจบลงอย่างสวยงาม ผมเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบขนมหวานประเภทวุ้น แม้จะรู้ว่ากระบวนการทำนั้นอุดมไปด้วยน้ำตาล แต่ก็ยอมทานเพราะความอร่อย ครั้งนี้กะทิจากการทำแกงเหลือครึ่งกล่อง จึงนำส่วนที่เหลือมาทำวุ้นกะทิกัน

ส่วนประกอบ
1. ผงวุ้น
2. น้ำกะทิ
3. น้ำตาล

วิธีการทำ
1. ใส่น้ำเปล่าต้มจนเดือด หรี่ไฟลง และใส่น้ำกะทิ (อัตราส่วน 1:1) 
2. กวนจนกระทั่งน้ำเริ่มเดือดอ่อนๆอีกครั้ง จากนั้นใส่น้ำตาลเคี่ยวต่อจนกระทั่งน้ำตาลละลายหมด
3. ใส่ผงวุ้น (ตามอัตราส่วนที่ระบุแต่ละชนิดของวุ้นดูที่ข้างซอง) เคี่ยวจนผงวุ้นละลาย
4. เทใส่ถ้วย หรือแป้นพิมพ์ รอให้เย็นที่อุณหภูมิห้อง จากนั้นนำเข้าตู้เย็น รอให้เย็นชื่นใจแล้วนำมาทานได้เลย

วุ้นกะทิแบบง่ายนั้น เป็นขนมหวานที่ทำได้ง่ายไม่ยุ่งยาก ส่วนน้ำตาลนั้นแล้วแต่ความชอบ หากใส่น้อยก็จะหวานน้อย หากใครชอบหวานขั้น advance ก็ใส่ได้เลยครับ 

cooking2cu

Soy Milk น้ำนมถั่วเหลืองแสนดี



มีคนเคยเรียกผมว่าเป็นมนุษย์เต้าหู้ เพราะในหนึ่งอาทิตย์นั้นผมจะต้องซื้อน้ำเต้าหู้มาทานอย่างน้อย 3 ถุง เมื่อไหร่ก็ตามที่ไปต่างจังหวัด หากเห็นน้ำเต้าหู้ก็ต้องได้ลิ้มลองตลอด แม้น้ำเต้าหู้ชื่อเมนูจะเหมือนกัน แต่หลายๆร้านกลับมาสูตรที่แตกต่างกันจนกระทั่งบางครั้งที่หวังตั้งใจจะทานเพื่อสุขภาพ กลับได้ของแถมไม่ว่าจะแป้ง ครีม นม ต่างๆ ดังนั้นเพื่อความมั่นใจเรามาทำทานเองดูแล้วจะรู้ว่ารสชาติเต้าหู้จริงๆ นั้นเป็นอย่างไร

ส่วนประกอบ
1. ถั่วเหลือง 1 ถ้วย
2. น้ำเปล่า 10 ถ้วย

วิธีการทำ
1. แช่ถั่วเหลือง อย่างน้อย 6 ชั่วโมงเพือให้ถั่วนิ่มตัว
2. นำใส่เครื่องปั่น ใส่ถั่วเหลือง น้ำเปล่า ปั่นให้ละเอียด
3. นำไปต้มใช้ไฟอ่อน ระวังฟองจะท่วมด้วย เมื่อน้ำเต้าหู้เดือดแล้ว ต้มต่อ 10 นาที จากนั้นจึงใช้ผ้าขาวกรอง

เพียงเท่านี้เราก็ได้น้ำเต้าหู้แบบไม่มีของแถม มีประโยชน์ทานได้ง่ายๆ
สำหรับใครทานเพียวๆไม่ได้ก็เพิ่มน้ำตาลได้ ทานไปเรื่อยๆ ค่อยลดน้ำตาลจนไม่ต้องใส่ จะได้สัมผัสถึงรสชาติน้ำเต้าหู้ที่แท้จริงครับแบบผมครับ

cooking2cu

Pork with Yellow Curry Paste - คั่วกลิ้ง




หากคิดถึงอาหารใต้แล้ว รสชาติความเผ็ดนั้นคงจะมาเป็นอันดับแรกๆเสมอ และเมนูหนึ่งที่จะต้องมีคือคั่วกลิ้ง ที่ถึงแม้จะเผ็ดแต่ผมก็ยังชอบทานเป็นอย่างมาก ได้ลองทำครั้งแรกก็ติดใจเลย เพราะทำค่อนข้างง่าย แถมยังเป็นอาหารสุขภาพที่อุดมไปด้วยสมุนไพรไทย และในการทำนั้นไม่มีส่วนประกอบของน้ำมันอีกด้วย แนะนำให้ลองทำทานกันครับ

ส่วนประกอบ

1. หมูสับ
2. หอมแดง
3. พริก
4. พริกไทยดำแห้ง/ พริกไทยดำสด
5. ตะใคร้หั่นแว่น
6. ข่าหั่น
7.กระเทียม
8.ใบมะกรูดซอย
9. เกลือ
10. ซีอิ้ว
11. น้าตาล
12. ขมิ้น


เรื่องส่วนผสมนี้ขอให้ลองใส่เองครับ เพราะความชอบแต่ละคนไม่เหมือนกันใครชอบเผ็ดก็เพิ่มพริก ใครชอบหวานหน่อยก็เพิ่มน้ำตาลตามความชอบได้เลยครับ

วิธีการทำ
1. ใส่พริกลงใสครกตำให้ละเอียด จากนั้นจึงใส่หอมแดง พริกไทยดำแห้ง ข่าหั่น ตะใคร้หั่นแว่ะ กระเทียม  ขมิ้น ตำให้ละเอียด ตักใส่ถ้วยพักไว้
2. นำส่วนของพริกที่ตำไว้ลงบนกระทะเทฟล่อน เจียวจนสุกหอม จากนั้นจึงใส่หมู คั่วจนกระทั่งหมูร่อนออกจากระทะ ใส่เกลือ ซีอิ้ว น้ำตาล พริกไทยดำสด ใบกระกรูดซอย ผัดต่อสักพักตักขึ้นใส่จาน

Cooking2cu 


Cold soba Noodle - โซบะเย็นประยุกต์



โซบะเป็นเมนูเส้นชนิดหนึ่งที่ผมไม่เคยสนใจที่จะทาน เพราะไม่ทราบว่าแตกต่างจากอูด้งหรือก๋วยเตี๋ยวอย่างไรจนกระทั่งได้ไปทราบข้อมูลจาก youtube ระหว่างดูรายการญี่ปุ่น จึงทราบมาว่าโซบะนั้นเป็นถั่วชนิดหนึ่งซึ่งเส้นนั้นจะมีคุณค่าทางอาหารมากกว่าเส้นประเภทอื่นๆ

ส่วนประกอบ
1. เส้นโซบะ
2. เห็ดหอม 4 หัว (หากเป็นเห็ดหอมแห้งให้แช่น้ำให้นิ่ม)
3. แตงกวา 2 ลูก
4. แครอทต้ม 1/4 ลูก
5. ต้นหอม 3 ต้น
6. เต้าหู้หลอด 1 หลอด
7. หอมใหญ่ 1/2 ลูก
8. งาดำคั่ว 2 ช้อนชา
9. กระเทียม 3 กลีบ
10. เห็ดเข็มทอง
11. ซอสโซยุ 2 ช้อนโต๊ะ หากไม่มีใช่ซีอิ้วแทน


วิธีการทำ
1. ต้มน้ำให้เดือดลวกเส้นโซบะ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที จากนั้นนำขึ้นจุ่มน้ำเย็นทันทีปล่อยทิ้งไว้

2. ต้มน้ำให้เดือด ใส่หอมใหญ่เห็ดหอมกระเทียม ต้นหอมใส่ซอสโซยุต้มต่อประมาณ 10 นาที
3. ใส่เครื่องทั้งหมดลงไปต้มต่อจนสุก จากนั้นแยกเครื่องออกจากน้ำ
4. นำเส้นโซบะใส่ชาม จากนั้นนำเครื่องทั้งหมดมาวางบนเส้น จากนั้นราดน้ำขลุกขลิก

cooking2cu

Acacia Pennata Omelette - ไข่ทอดชะอม




อาหารพื้นฐานที่เชื่อกันว่าใครๆ ก็ต่างเคยได้ทานกัน อาหารชนิดนี้มักจะต้องทานควบคู่กับน้ำพริกกะปิ คุณพ่อผมมักจะชอบซื้อน้ำพริกกะปิมา แต่เครื่องเคียงนั้นจะมาทำเอง ดังนั้นเมนูนี้ขอเสนอไข่ทอดชะอม

ส่วนประกอบ
1. ไข่ 3 ฟอง
2. ชะอม 7 ต้น
3. น้ำปลา 1 ช้อนชา
4. น้ำมัน

วิธีการทำ
1. เด็ดชะอมอย่างระมัดระวัง โดยใช้วิธีการรูด จะเร็วที่สุดแต่ต้องระวังอย่าให้โดนหนาม










 
2. ตอกไข่ลงไปในชะอม
3. ใส่น้ำปลา คนให้เข้ากัน
4. ตั้งกระทะใส่น้ำมัน รอจนน้ำมันร้อน เทไข่ลงไป รอให้ไข่ set ตัว จากนั้นพลิกแล้วรอให้สุก
5. นำวางลงบนกระดาษซับน้ำมัน

6. ใช้มีตัดไข่ทอดชะอมเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมให้สวยงาม



cooking2cu

Steamed fish in lemon sauce - ปลานึ่งมะนาว



ปลา ผมถือว่าเป็นโปรตีนที่มีคุณค่ามากที่สุด เพราะมีปริมาณไขมันที่น้อยและมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย คุณแม่ผมมักจะซื้อมาทานเป็นประจำ แต่ส่วนใหญ๋จะนำไปทอด เพราะวัฒนธรรมจีนนั้นการทอดปลาถือว่าเป็นวิธีการที่มีความหอมอร่อย กรอบ แต่เบื้องหลังที่ได้คือปริมาณไขมันที่เพิ่มขึ้น แต่การจะทานปลานึ่งเปล่าๆ นั้นรสชาติก็จะจืดชืด จึงหาทางที่จะทำให้ปลานั้นมีรสชาติที่น่าทานมากยิ่งขึ้น



ส่วนประกอบ
1. ปลาแดง 2 ตัว (สามารถใช้ปลากระพงได้)
2. กระเทียมสับ 5 กลีบ
3. พริกขี้หนู 4 เม็ด
4. น้ำตาล 3 ช้อนชา
5. ซีอิ้วขาว 3 ช้อนชา
6. ผักขึ้นฉ่ายซอย 2 ต้น
7. มะนาว 2 ลูก

วิธีการทำ
1. นำกระเทียมพริกมะนาวคลุกให้เข้ากัน
2. ใส่ซีอิ้วขาว พร้อมกับน้ำตาลคนให้เข้ากัน ชิมและปรุงเพิ่มจนมีรสชาติที่ถูกใจ
3. ต้มน้ำให้เดือดจากนั้นใส่ปลาลงไปนึ่ง (ในรูปผมนึ่งไข่ลงไปด้วย เพราะว่าอยากกินไข่ต้ม)

4. รอจนปลาสุก เนื้อสีขาวสวย
5. ราดเครื่องที่เตรียมไว้ลงบนตัวปลา พร้อมโรยผักขึ้นช่าย


cooking2cu

Grilled Mackerel paste sauce - น้ำพริกปลาทู




น้ำพริกนั้นเปรียบเสมือนอาหารพื้นฐานของคนไทย แม้ที่บ้านผมจะมีเชื้อสายจีนแต่น้ำพริกก็มักจะต้องมีในเมนูอยู่ทุกอาทิตย์ โดยส่วนใหญ่แล้วก็ซื้อมาทาน สมัยอยู่บ้านหลังเก่า จะมีร้านน้ำพริกร้านหนึ่งเวลาสั่งแม่ค้าก็จะทำให้เห็น เลยทำให้รู้กระบวนการทำ ดูแล้วง่ายมาก แต่การทำให้อร่อยนั้นกลับยากมาก จนกระทั่งโต และเริ่มได้สอบถามกับเพื่อนที่เคยทำก็พบว่าการทำให้อร่อยนั้นมีเทคนิคไม่ยากเลย จึงทำให้เกิดเมนูนี้ขึ้นมา

ส่วนประกอบ

1. ปลาทูย่าง 1 ตัว แกะก้างออกให้หมด
2. หอมแดง 4 หัว
3. กระเทียม 1 กลีบ
4. พริกหยวก 2 เม็ด
5. น้ำตาล 2 ช้อนชา
6. น้ำปลา (หากต้องการเพิ่มความเค็ม)

วิธีการทำ
1. นำกระเทียม พริกหยวก หอมแดงไปย่าง หากย่างไม่ได้ให้นำไปจี่บนกระทะที่แห้งแทน จี่จนได้กลิ่นหอมของกระเทียม และหอมแดง หากชอบแห้งมากๆ ให้จี่ไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่เปลือกจะไหม้ เดี๋ยวค่อยแกะส่วนไหม้ออกได้
2. นำส่วนผสมข้อหนึ่งมาตำให้ละเอียด จากนั้นใส่ปลาทูลงไป
3. ตำไปจนเนื้อปลานั้นรวมกับเครื่องปรุง เติมน้ำตาล และน้ำปลา



แนะนำว่าให้ลองชิมปลาทูก่อน หากมีรสชาติเค็มแล้วก็ไม่จำเป็นต้องใส่น้ำปลา เมนูนี้หากใครต้องการเพิ่มความเผ็ดสามารถใส่พริกขี้หนูเพิ่มเข้าไปได้เช่นกัน ทำแล้วทานกับผักเครื่องเคียงต่างๆได้

ลองทำทานกันเลยครับ

cooking2cu

Whit Garlic Chives stir fried - ผัดกุยช่ายขาว



ผมเป็นคนจีนคนหนึ่งซึ่งทานอาหารจีนมาตลอดจนเริ่มเบื่ออาหารจีน กระทั่งได้ดูสารคดีอาหารจีน ยีนในร่างกายผมจึงถูกปลุกขึ้นมาพร้อมกับจิตวิญญาณอาหารจีน จึงคิดเมนูข้าวต้มสำหรับทานเองและให้คุณแม่ทาน อาหารจีนนั้นมักจะต้องใส่น้ำมันมากเพื่อความอร่อย แต่สูตรของผมก็ยังคงเน้นด้านสุขภาพใส่น้ำมันน้อยลง

ส่วนประกอบ
1. กุยช่ายขาว 1/2 กำ
2. ฟองเต้าหู้แห้ง (แช่น้ำให้นิ่ม) 5 แผ่นเล็กๆ
4. เต้าหู้แข็ง 1/3 ก้อน
5. เห็ดหอมแห้ง แช่น้ำให้นิ่ม 3 ชิ้น หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
6. กระเทียม 2 กลีบ
7. น้ำมันงา 1 ช้อนชา
8. ซีอี้วขาว 2 ช้อนชา
9. พริกชี้ฟ้า 1 เม็ด


วิธีการ

1. ใส่น้ำมันงาลงบนกระทะ รอให้ร้อน
2. เจียวเห็ดหอมให้มีกลิ่นหอม ใส่กระเทียมตาม
3. ใส่เต้าหู้ผัดจนสุก ตามด้วยฟองเต้าหู้และกุยช่ายขาว หากแห้งเกินให้ใส่น้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย
4. ปรุงด้วยซีอิ้ว ผัดให้ทั่วปิดแก๊ส
5. ใส่พริกชี้ฟ้า


เป็นเมนูที่ทำค่อนข้างง่าย เพียงแต่กุยช่ายขาวนั้นจะหาค่อนข้างหาซื้อยากและมีราคาแพงกว่ากุยช่ายทั่วๆไป แต่รสชาตินั้นหอมอร่อย ทานกับข้าวต้มอร่อยจะอร่อยมาก จานนี้คุณแม่ผมทานหมดเกลี้ยงเลย แถมยังบอกว่าขอให้ทำอีกด้วย  ลองทำทานดูนะครับ

cooking2cu

Homemade vegetarian sushi - ซูชิมังสวิรัติ



หากพูดถึงอาหารญี่ปุ่นแล้ว ผมจะนึกถึงข้าวห่อสาหร่ายมาเป็นอันดับต้น ผมทานครั้งแรกสมัยมัธยมและก็เคยหัดลองทำ แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะสมัยก่อนนั้นยังไม่มี clip สอน วัตถุดิบที่ใช้ก็ไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงเป็นเมนูอาหารที่เลิกทำไปแสนนาน จนกระทั่งได้ไปบ้านญาติและญาติได้สอนวิธีการทำจึงเริ่มกลับมาหัดทำใหม่อีกครั้ง

สำหรับสูตร shushi นี้เป็นสูตรมังสวิรัติปราศจากเนื้อสัตว์ สามารถทานได้ทั้งเด็กผู้ใหญ่

ส่วนประกอบ

1. แตงกวาสดปลอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นยาวๆ
2. แครอท
3. ฟักทอง
4. ยำสาหร่ายญี่ปุ่น (ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่)
5. ไข่ 1 ฟอง
6. ข้าวญี่ปุ่น
7. น้ำส้มใสชู + น้ำตาล
8. สาหร่ายห่อ
9. เสื่อห่อซูชิ (สามารถซื้อได้ที่ร้านข้าวอุปกรณ์อาหาร)

Tip: สำหรับข้าวญี่ปุ่นสามารถซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้า แม้ว่าจะแพงหน่อยแต่เหมาะกับการทำซูชิเพราะมีความกลมสั้น เหนียวเป็นพิเศษ หากไม่มีใช้ข้าวขาวผสมข้าวเหนียว อัตราส่วน ข้าวขาว 4 ข้าวเหนียว 1 ได้เช่นกัน  ส่วนน้ำส้มใส่ชูขอให้เป็นน้ำส้มใสชูญี่ปุ่น เพราะกลิ่นจะเบาไม่เปรี้ยวแรงเหมือนน้ำส้มใสชูของไทย

วิธีการทำ
เตรียมเครื่อง
1. หุงข้าวสวย หากข้าวเปียกเกินให้เปิดฝาทิ้งไว้เพื่อคายน้ำ 
2. ตอกไข่ใส่จาน เจียวให้ให้ไข่เป็นเนื้อเดียวกัน กรอกด้วยตะแกรง นำไปนึ่ง (ใช้แทนไข่หวาน สูตร healthy และเหมาะกับมือใหม่) เมื่อสุกแล้วตัดเป็นเส้นๆ
3. นึ่งแครอท ฟักทองให้สุก
4. นำข้าวที่หุงเสร็จแล้ว ผสมกับน้ำส้มใสชูและน้ำตาล แนะนำให้ค่อยๆผสมและลองชิมจนได้รสชาติที่ถูกปาก


ห่อสาหร่าย
1. นำถุงพลาสติวางบนเสื่อจากนั้นจึงวางสาหร่าย
2. นำข้าวสวยนั้นมาแผ่ลงบนสาหร่าย แนะนำให้แผ่ให้กว้างๆกดให้แน่นๆ
3. ใส่เครื่องต่างๆดังภาพ ไม่ว่าจะแตงกวา ไข่ แครอท ฟักทอง ยำสาหร่าย
4. ค่อยๆห่ออย่างระมัดระวัง เราจะต้องอาศัยประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ครั้งแรกๆผมห่อแล้วไส้ทะลักบ้าง ล้นบ้าง ไส้เบี้ยวบ้าง 

หั่น
1. เมื่อห่อเรียบร้อยแล้วให้หั่นบริเวณข้างๆออก (บริเวณนั้นข้าวจะไม่แน่น)
2. หั่นซูชิตามความยาวที่ต้องการ หากหั่นยากให้นำมีดไปจุ่มน้ำ จะหั่นได้ง่ายขึ้น


ผมห่อมาหลายชิ้นแล้ว บางชิ้นก็สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง แม้หน้าตาจะไม่สวยมาก แต่รสชาติโอเคเลยครับ ทานกับน้ำซอสซูชิแล้วอร่อย ใครชอบวาซาบิก็จัดใส่ได้เลยครับ

cooking2cu

Thai Vegan Burger - เบอร์เกอร์ไทยสูตรมังสวิรัติ



เบอร์เกอร์เป็นอาหารชนิดหนึ่งที่ผมที่ชื่นชอบ เมื่อได้อ่านข้อมูลจาก internet จึงเข้าใจว่าทำไมชาวตะวันตกจึงเรียกอาหารเหล่านี้ว่าอาหารขยะ แต่เมื่อเราทำอาหารเองแล้วเราก็ควรที่เลือกสิ่งดี ให้มีคุณค่าและสารอาหาร เนื่องจากผมทานมังสวิรัติ จึงต้องหาทางประยุกต์จากเบอร์เกอร์เนื้อสัตว์ให้มาเป็นเบอร์เกอร์ไร้เนื้อสัตว์สูตรที่ใช้วัตถุดิบรอบตัว



ขอเสนอเมนูเบอร์เกอร์ไทยสูตรมังสวิรัติ

ส่วนประกอบ
1.เห็ดหอม (หากเป็นเห็ดหอมแห้งแช่ให้นิ่ม)
2.เครื่องหมัก (กระเทียม พริกไทยดำ ลูกผักชี )
3.เต้าหู้ก้อน
4.หอมใหญ่
5.พริกขี้หนู
6.ขนมปังโฮลวีท
7.ผักกรีนโอ๊ก
8.ซีอี้วขาว
10. แผ่นชีส

วิธีการทำ
1. หั่นเห็ดหอม เต้าหู้ หอมใหญ่ พริกขี้หนูให้เป็นชิ้นเล็ก
2. นำสามอย่างที่หั่นเสร็จแล้ว คลุกให้เข้ากันและใส่เครื่องหมัก
3. นำลงในกระทะทำให้สุกจนหอมและใส่ซีอี้วขาว หากต้องการให้มีกลิ่นหอมมากขึ้นใส่น้ำมันได้
4. ปิ้งขนมปังให้หอมและกรอบ นำเครื่องใส่ลงบนขนมปัง

5.ใส่ผัก ใส่ชีส ประกบกับขนมปังอีกแผ่น พร้อมทาน

เป็นเมนูที่ทดแทนเบอร์เกอร์เนื้อสัตว์ได้ ลองทำทานดูสนุกและปรับเปลี่ยนสูตรต่อยอดได้เพิ่มครับ

cooking2cu

Thai marinated - เครื่องหมัก



ผมรู้สึกว่าผมโชคดีที่ได้เกิดเป็นคน เมืองที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบมากมาย แถมยังสามารถหาซื้อได้อย่างง่าย บทความนี้จะขอพูดเกี่ยวกับเครื่องหมักสูตรไทย ที่บ้านควรมีไว้ติดครัวแม้ว่าจะไม่ได้ใช้หมักแต่ก็สามารถใช้ประกอบอาหารอย่างอื่นได้ เครื่องหมักนี้มีประยุกต์สูตรเล็กน้อย

จากข้อมูลที่ทราบมานั้น เครื่องหมักจะเรียกว่า "สามเกลอ" จะประกอบไปด้วย กระเทียม พริกไทยดำ และรากผักชี ซึ่งรากผักชีนั้นปกติผมก็จะได้จากการซื้อผักชี แต่บางครั้งไม่มีจึงใช้เป็นลูกผักชีแทนซึ่งสามารถหาซื้อได้จากห้างชั้นนำ หรือที่ตลาด

ส่วนประกอบ
1.กระเทียม
2.เม็ดพริกไทยดำอบแห้ง
3.ลูกผักชี

วิธีการใช้งาน
1.นำสามอย่างลงในครก ตำให้ละเอียด
2.นำใส่วัตถุดิบที่ต้องการหมัก เพิ่มเกลือ และน้ำตาลที่ต้องการ

ง่ายไหมครับส่วนอัตราส่วนแล้วแต่ความชอบครับ 
ถ้าชอบกระเทียมก็ใส่มากได้ 
ถ้าชอบเผ็ดร้อนก็ใส่เม็ดพริกไทยดำ 
ถ้าชอบกลิ่นลูกผักชีก็ใส่มาก ปรับตามความชอบเลยครับ



สรรพคุณของกระเทียม ข้อมูลจาก web 

  1. กระเทียมประโยชน์ของกระเทียม ช่วยบำรุงผิวหนังให้มีสุขภาพดีและแข็งแรง
  2. ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย
  3. ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
  4. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
  5. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และน้ำตาลในเลือด
  6. ประโยชน์กระเทียม ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย
  7. ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ อาการมึนงง ปวดศีรษะ หูอื้อ
  8. ช่วยในเรื่องระบบสืบพันธุ์และระบบทางเดินปัสสาวะ เพราะมีสารที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนทั้งหญิงและชาย ช่วยทำให้มดลูกบีบตัว เพิ่มพละกำลังให้มีเรี่ยวแรง
  9. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต
  10. ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ลดความเสี่ยงของหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
  11. ช่วยต่อต้านเนื้องอก
  12. กระเทียม ประโยชน์ช่วยแก้ปัญหาผมบาง ยาวช้า มีสีเทา
  13. ช่วยป้องกันการเกิดและรักษาโรคโลหิตจาง
  14. ช่วยในการขับพิษ และสารพิษอันตรายที่ปนเปื้อนในเม็ดเลือด
  15. กระเทียมสรรพคุณช่วยป้องกันผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว
  16. สารสกัดน้ำมันกระเทียม มีสารที่มีส่วนช่วยในการละลายลิ่มเลือด
  17. ช่วยป้องกันการเกิดเส้นเลือดอุดตัน
  18. มีสารต่อต้านไม่ให้เม็ดเลือดแดงแตก
  19. ช่วยบรรเทาอาการไอ น้ำมูกไหล ป้องกันหวัด
  20. ช่วยรักษาโรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่
  21. ช่วยรักษาอาการเยื่อบุจมูกอักเสบ และไซนัส
  22. ช่วยรักษาโรคไอกรน
  23. สรรพคุณ กระเทียมช่วยแก้อาการหอบ หืด
  24. ช่วยรักษาโรคหลอดลม
  25. ช่วยระงับกลิ่นปาก
  26. ช่วยในการขับเหงื่อ
  27. สรรพคุณของกระเทียมช่วยในการขับเสมหะ
  28. ช่วยควบคุมโรคกระเพาะ ด้วยสารที่ช่วยยับยั้งไม่ให้น้ำย่อยอาหารมาย่อยแผลในกระเพาะ
  29. มีสรรพคุณช่วยในการขับลม
  30. ช่วยรักษาอาการจุกเสียดแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ
  31. ช่วยป้องกันโรคท้องผูก
  32. ช่วยรักษาโรคบิด
  33. กระเทียบ สรรพคุณช่วยในการขับปัสสาวะ
  34. ช่วยในการขับพยาธิได้หลายชนิด เช่น พยาธิแส้ม้า พยาธิเส้นด้าย พยาธิเข็มหมุด พยาธิไส้เดือน เป็นต้น
  35. ช่วยรักษาโรคตับอ่อนอักเสบชนิดรุนแรงได้
  36. ช่วยป้องกันการเกิดโรคไต
  37. ช่วยฆ่าเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ รวมถึงเชื้อราตามหนังศีรษะและบริเวณเล็บ
  38. ช่วยยับยั้งเชื้อต่าง ๆ เช่น เชื้อที่ทำให้เกิดฝีหนอง คออักเสบ เชื้อปอดบวม เชื้อวัณโรค เป็นต้น
  39. ช่วยกำจัดพิษจากสารตะกั่ว
  40. ช่วยรักษากลาก เกลื้อน
  41. ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเนื้อเยื่อ บำรุงข้อต่อและกระดูกในร่างกาย
  42. บรรเทาอาการปวดข้อและปวดเมื่อยตามร่างกาย
  43. ช่วยแก้อาการเคล็ดขัดยอกและเท้าแพลง เพราะมีสารที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดมายังบริเวณที่นวดยาได้ดีมากขึ้นนั่นเอง
  44. มีสารต้านอาการไขข้ออักเสบ โรคข้อรูมาติสม์
  45. กระเทียมมีกลิ่นฉุนจึงสามารถช่วยไล่ยุงได้เป็นอย่างดี
  46. ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย เพิ่มความยากอาหาร

ประโยชน์ของพริกไทย ข้อมูลจาก web

  1. พริกไทยอ่อนเมล็ดพริกไทยมีสารฟินอลิกส์ และสารพิเพอรีน ซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ (เมล็ด)
  2. เมล็ดพริกไทยมีสารพิเพอรีน (Piperine) ซึ่งเป็นสารอัลคาลอยด์ที่มีส่วนช่วยรักษาและป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุได้ (อ้างอิง : รศ.ดร.อรุณศรี ปรีเปรม อาจารย์จากคณะเภสัชศาสตร์) (เมล็ด)
  3. สรรพคุณช่วยป้องกันและต่อต้านสารก่อมะเร็ง ช่วยเร่งการทำงานของตับให้ทำลายสารพิษได้มากขึ้น (เมล็ด)
  4. เมล็ดพริกไทยมีฤทธิ์ในการช่วยกระตุ้นประสาท (เมล็ด)
  5. ช่วยแก้โรคลมบ้าหมูหรือลมชักได้ (เมล็ด)
  6. ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย (เมล็ด)
  7. ช่วยทำให้เจริญอาหาร ทำให้ลิ้นของผู้สูงอายุรับรสได้ดียิ่งขึ้น
  8. พริกไทยสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ (เมล็ด)
  9. ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายและเสริมภูมิต้านทานไปด้วยในตัว (เมล็ด)
  10. ช่วยแก้ตาแดงเนื่องจากความดันโลหิตสูง(ดอก)
  11. ช่วยระงับอาเจียน (ดอก)
  12. ช่วยแก้อาการปวดฟัน ด้วยการใช้พริกไทย พริกหาง นำมาบดเป็นผงผสมยาขี้ผึ้ง แล้วปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ นำมาใช้อุดฟันตรงบริเวณที่ปวด (เมล็ด)
  13. พริกไทยดำช่วยขับเสมหะ เปิดคอให้โล่งขึ้น (เมล็ด)
  14. ช่วยแก้เสมหะในทรวงอก แก้ลมพรรดึก (เถา)
  15. ช่วยบรรเทาอาการและแก้อาการไอ หอบหืด สะอึก (เมล็ด)
  16. ช่วยแก้อติสารหรืออาการลงแดง (เถา)
  17. ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ (ราก)
  18. สรรพคุณพริกไทยช่วยแก้หวัดและลดไข้ (เมล็ด)
  19. พริกไทยสรรพคุณทางยาช่วยแก้ไข้เรื้อรัง ด้วยการใช้พริกไทยดำ ใบบัวบกแห้ง ใบกะเพราแห้ง อย่างละเท่า ๆกัน นำมาบดเป็นผงปั้นเป็นเม็ดเล็ก ๆ กินครั้งละ 1 เม็ดเช้าและเย็น
  20. สรรพคุณของพริกไทยช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ช่วยเพิ่มการสูบฉีดโลหิตเข้าใจ (เมล็ด)
  21. พริกไทยดำสามารถช่วยละลายลิ่มเลือดและลดการจับตัวเป็นก้อนได้ (อ้างอิง :The Central Food Technological Research Institute)
  22. ช่วยกระตุ้นการขับเหงื่อออกจากร่างกาย เมื่อเหงื่อระเหยออกจากผิวแล้ว จะช่วยทำให้ร่างกายรู้สึกเย็นสบายมากยิ่งขึ้น (เมล็ด)
  23. สรรพคุณของพริกไทยดําช่วยรักษาโรคกระเพาะและลำไส้
  24. ช่วยแก้อาการปวดมวนท้อง (ใบ,ราก)
  25. ช่วยรักษาอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง และท้องเดินหลาย ๆครั้ง (เถา)
  26. ช่วยลดการเกิดก๊าซในระบบทางเดินอาหาร จึงช่วยแก้อาการจุกเสียด แน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ (ใบ,เมล็ด)
  27. เมล็ดพริกไทยช่วยแก้ลมอัมพฤกษ์ ขับลมในกระเพาะ (ใบ,เมล็ด,ราก)
  28. ช่วยกระตุ้นการไหลของน้ำลายและน้ำย่อยในกระเพาะ ช่วยในการย่อยอาหาร แก้อาการอาหารไม่ย่อย ช่วยย่อยสารพิษตกค้างที่ไม่สามารถย่อยได้ (เมล็ด,ราก)
  29. ช่วยทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น (ดอก)
  30. ช่วยบรรเทาหรือผ่อนคลายอาการไม่สบายจากอาหารเป็นพิษจากอาหารทะเลและเนื้อสัตว์ต่าง ๆ (ดอก)
  31. ช่วยขับปัสสาวะ (เมล็ด)
  32. ช่วยแก้ระดูขาว (เมล็ด)
  33. ช่วยแก้อาการอักเสบและโรคอื่น ๆ (พริกไทยดำ)
  34. แก้ตะขาบกัด ด้วยการใช้ผงพริกไทยโรยบริเวณแผลที่ถูกกัด (เมล็ด)
  35. ช่วยรักษาอาการเมื่อยขบ เป็นเหน็บชาง่ายในช่วงฤดูฝนหรือฤดูหนาว โดยใช้พริกไทย น้ำกะทิ และไข่ไก่ ตีให้เข้ากันแล้วตุ๋นจนสุก และนำพริกไทยขาวเข้าเครื่องยากับเปลือกไข่ไก่ แล้วนำไปผิงไฟให้เหลือง แล้วนำมาบดเป็นผงผสมกับน้ำต้มสุก และยังช่วยรักษาอาการชักจากการขาดแคลเซียมได้อีกด้วย
  36. รักษากระดูกหัก ด้วยการใช้พริกไทย 5 เมล็ด เปลือกต้นของสบู่ขาว และต้นส้มกบ นำมาตำผสมเหล้าขาวแล้วผัดให้อุ่นพอกให้หนา และใช้ไม้พันผ้าให้แน่น
  37. พริกไทยสรรพคุณใช้ทำเป็นยาแก้ผอมแห้งแรงน้อย ด้วยการใช้พริกไทยขาว ข้าวสารคั่วเกลือทะเล อย่างละเท่า ๆกัน นำมาบดจนเป็นผงและปั้นผสมกับน้ำผึ้ง ขนาดเท่าเมล็ดพุทรา รับประทานก่อนอาหารเช้า เย็นและก่อนนอนครั้งละ 1 เม็ด จะช่วยทำให้สุขภาพอนามัยดีขึ้นภายในเวลาไม่เกิน 3 เดือน
  38. พริกไทยเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับคุณแม่มือใหม่ เพราะช่วยทำให้น้ำนมของแม่เพิ่มขึ้น (อ้างอิง : ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว เภสัชกรระดับ 6 รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร)
  39. พริกไทยเป็นอาหารที่เหมาะอย่างมากสำหรับคนธาตุเจ้าเรือนเป็นธาตุลม (พฤษภาคม-กรกฎาคม) ซึ่งจะช่วยป้องกันการเจ็บป่วยต่าง ๆได้
  40. ประโยชน์จากพริกไทยช่วยทำให้ผิวสวย ด้วยการใช้พริกไทย ขมิ้นอ้อย กระชาย แห้วหมู นำมาทุบแล้วดองด้วยน้ำผึ้ง นำมารับประทานก่อนนอนทุกวัน จะช่วยทำให้ผิวสวยใสมากยิ่งขึ้น
  41. พริกไทยมีวิตามินซีสูง ซึ่งช่วยปกป้องผิวจากการถูกคุกคามจากแสงแดด
  42. ประโยชน์ของพริกไทยช่วยป้องกันการหลับใน เมื่อขับรถเหนื่อย ๆ หรือง่วงนอน การได้กลิ่นของพริกไทยจะช่วยทำให้รู้สักตื่นตัวมากยิ่งขึ้น
  43. น้ำมันพริกไทยสามารถช่วยลดน้ำหนักตัวได้ และยังสามารถใช้นวดส่วนที่ต้องการลดได้
  44. สูตรสมุนไพรหลายชนิดที่นิยมนำมาปรุงเป็นยาอายุวัฒนะ มักมีพริกไทยรวมอยู่ด้วย
  45. สมุนไพรพริกไทยพริกไทยดำมีสรรพคุณช่วยต่อต้านความอ้วน เพราะมีสารพิเพอรีนที่มีรสฉุนและเผ็ดร้อน จึงช่วยขัดขวางไม่ให้เซลล์ไขมันใหม่ก่อตัวขึ้น
  46. เมล็ดพริกไทยดำและพริกไทยขาว นิยมนำมาใช้ทำเป็นเครื่องเทศเพื่อใช้แต่งกลิ่นอาหาร ทำให้อาหารน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น (เมล็ดพริกไทย)
  47. พริกไทยอ่อน ช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ในอาหารได้ เช่น ผักเผ็ดปลาดุก ผัดเป็ดหมูป่า
  48. พริกไทยช่วยถนอมอาหารประเภทเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ให้เก็บไว้ได้นานยิ่งขึ้น
  49. น้ำมันหอมระเหยจากพริกไทยช่วยรักษาผู้ที่ติดบุหรี่ โดยจะช่วยลดความอยากและลดความหงุดหงิดลงได้
  50. ในปัจจุบันพริกไทยดำได้ถูกนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย (Black Pepper Oil) ซึ่งมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ต้านพิษต่าง ๆ ช่วยทำให้เจริญอาหาร แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยในการย่อยอาหาร รักษาโรคกระเพาะ ใช้เป็นยาระบาย ช่วยบรรเทาอาการปวด ลดอาการกล้ามเนื้อกระตุก ช่วยกระตุ้นกำหนัด ขับเหงื่อ ลดไข้ และช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท (น้ำมันพริกไทย)
cooking2cu